top of page

A Life Not Wasted: Adoniram Judson

ree

โดย นาธาน บูเซนิทซ์

ผมรู้สึกประทับใจอย่างลึกซึ้งกับการเสียสละของชายหญิงคริสเตียนตลอดประวัติศาสตร์คริสตจักรหลายศตวรรษ ตั้งแต่บรรดามรณสักขีไปจนถึงมิชชันนารีทั้งหลาย บุคคลเหล่านี้ได้รับใช้จอมกษัตริย์ของพวกเขาด้วยความเข้มข้นและความกล้าหาญสูงสุด ยืนหยัดอย่างกล้าหาญเป็นแบบอย่างสำหรับผู้ที่ตามมาภายหลัง


พวกเขาเป็นบุคคลที่ "แผ่นดินโลกไม่ควรค่ากับคนเช่นนี้เลย" (ฮีบรู 11:38) เพราะสายตาของพวกเขาไม่ได้จับจ้องอยู่ที่คุณค่าของโลกนี้ แต่จับจ้องอยู่ที่คุณค่าของสวรรค์


หนึ่งในบุคคลเหล่านั้นคืออาโดนีรัม จัดสัน


แม้ว่าจัดสันจะโตในบ้านของศิษยาภิบาล แต่เขาได้เดินออกห่างจากความจริงเมื่อยังเป็นหนุ่ม ก่อนจะกลับคืนมาด้วยวิธีที่น่าทึ่ง จอห์น ไพเพอร์ได้เล่ารายละเอียดส่วนนี้ของชีวิตจัดสันไว้ในหนังสือของเขา อย่าทำให้ชีวิตของคุณสูญเปล่า


สิ่งที่พ่อแม่ผู้อยู่ในทางพระเจ้าของเขาไม่รู้ก็คือ อาโดนีรัมกำลังถูกล่อลวงให้ออกห่างจากความเชื่อโดยเพื่อนนักศึกษาชื่อเจคอบ เอมส์ ซึ่งเป็นผู้ที่นับถือลัทธิเทวนิยม เมื่อสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัย จัดสันก็ไม่มีความเชื่อในคริสต์ศาสนาแล้ว เขาปิดบังเรื่องนี้จากพ่อแม่จนกระทั่งวันเกิดอายุ 20 ปี ในวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1808 เมื่อเขาทำให้พวกท่านใจสลายด้วยการประกาศว่าเขาไม่มีความเชื่อ และว่าเขาต้องการจะเขียนบทละครและตั้งใจจะไปนิวยอร์ก ซึ่งเขาก็ทำเช่นนั้น 6 วันต่อมา โดยขี่ม้าที่พ่อมอบให้ในฐานะส่วนหนึ่งของมรดก...


[ต่อมา จัดสัน] พักที่โรงแรมเล็กๆ ในหมู่บ้านที่เขาไม่เคยไปมาก่อน เจ้าของโรงแรมขอโทษว่า การนอนของเขาอาจถูกรบกวน เพราะมีชายป่วยหนักอยู่ในห้องถัดไป ตลอดทั้งคืน จัดสันได้ยินเสียงคนเดินเข้าออก เสียงกระซิบ เสียงครวญคราง และเสียงหายใจหอบ สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจที่คิดว่าชายในห้องถัดไปอาจไม่พร้อมที่จะตาย เขาสงสัยเกี่ยวกับตัวเองและมีความคิดน่ากลัวเกี่ยวกับความตายของตัวเอง เขารู้สึกโง่เขลา เพราะผู้ที่นับถือลัทธิเทวนิยมที่ดี ไม่ควรมีความกระวนกระวายเช่นนี้


เมื่อเช้าเขากำลังจะออกไป เขาได้ถามว่าชายในห้องถัดไปอาการดีขึ้นหรือไม่ เจ้าของโรงแรมตอบว่า "เขาตายแล้ว" จัดสันตกตะลึงกับความเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของความตาย ขณะกำลังจะออกไป เขาถามว่า "คุณรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร?" เจ้าของโรงแรมตอบว่า "อ๋อ รู้สิ ชายหนุ่มจากวิทยาลัยในพรอวิเดนซ์ ชื่อเอมส์ เจคอบ เอมส์"


จัดสันตะลึงงัน แม้ว่าเขาจะพยายามหนี แต่เห็นได้ชัดว่า พระเจ้ากำลังไล่ตามเขา พระเจ้าทรงใช้การเสียชีวิตของเจคอบ เอมส์ ผู้เป็นปฏิปักษ์ต่อความเชื่อ เพื่อนำอาโดนีรัม จัดสันกลับคืนสู่พระองค์อย่างน่าอัศจรรย์


ในปี ค.ศ. 1808 จัดสันเข้าเรียนที่พระคริสต์ธรรมแอนโดเวอร์ และอุทิศตนเพื่องานมิชชันนารีแบบเต็มเวลา สี่ปีต่อมา ในปี ค.ศ. 1812 เขาได้กลายเป็นหนึ่งในมิชชันนารีต่างประเทศกลุ่มแรกที่ออกเดินทางจากอเมริกาเหนือ น่าสังเกตว่า เขาแต่งงานกับภรรยาของเขาชื่อแอนน์ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1812 เพียงสองสัปดาห์ต่อมา คู่บ่าวสาวใหม่ก็แล่นเรือไปยังอินเดีย


ในจดหมายที่น่าประทับใจถึงพ่อตาในอนาคตของตน อาโดนีรัม จัดสันได้อธิบายการเสียสละที่เขากำลังขอให้เจ้าสาวในอนาคตของเขาทำ นี่คือส่วนหนึ่งของจดหมายนั้น


บัดนี้ ผมขอถามว่า ท่านยินยอมที่จะแยกจากบุตรสาวของท่านในต้นฤดูใบไม้ผลิหน้านี้ โดยจะไม่ได้พบเธออีกในโลกนี้หรือไม่ ท่านยินยอมให้เธอจากไปสู่ดินแดนของคนนอกศาสนา และยอมรับความยากลำบากและความทุกข์ของชีวิตมิชชันนารีหรือไม่ ท่านยินยอมให้เธอเผชิญกับอันตรายในมหาสมุทร  กับภูมิอากาศร้ายแรงของทางใต้ของอินเดีย กับความขาดแคลนและความทุกข์ยากทุกรูปแบบ กับการถูกดูหมิ่น การดูแคลน การข่มเหง และอาจถึงความตายอย่างทรมานหรือไม่


ท่านยินยอมทั้งหมดนี้ เพื่อเห็นแก่พระองค์ ผู้ทรงละทิ้งบ้านในสวรรค์ และสิ้นพระชนม์เพื่อเธอและเพื่อท่าน เพื่อเห็นแก่วิญญาณอมตะที่กำลังพินาศ เพื่อเห็นแก่ศิโยน และเพื่อพระสิริของพระเจ้าหรือไม่ ท่านยินยอมทั้งหมดนี้ ด้วยความหวังว่าจะได้พบบุตรสาวของท่านในโลกแห่งพระสิริในไม่ช้า พร้อมด้วยมงกุฎแห่งความชอบธรรม ที่เปล่งประกายด้วยเสียงสรรเสริญที่จะส่งกลับไปยังพระผู้ช่วยให้รอดของเธอจากคนนอกศาสนาที่ได้รับความรอด ผ่านทางเธอ จากความทุกข์ทรมานและความสิ้นหวังนิรันดร์หรือไม่


จดหมายนั้นกลับกลายเป็นคำทำนายที่เป็นจริง ความพยายามในงานมิชชันนารีของคู่สามีภรรยานี้ ที่พาพวกเขาไปยังอินเดียก่อน และต่อมาไปยังพม่า (ปัจจุบันคือเมียนมา) เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานและโศกนาฏกรรม พวกเขาประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ สูญเสียการสนับสนุนทางการเงินจากผู้สนับสนุนเพียงไม่กี่เดือนหลังจากออกจากสหรัฐอเมริกา แผนการของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปโดยไม่คาดคิด เมื่อปัญหาเกี่ยวกับวีซ่าในอินเดียบังคับให้พวกเขาต้องตั้งถิ่นฐานในพม่า


เมื่อไปถึงที่นั่น พวกเขาเผชิญกับอุปสรรคด้านภาษาอย่างรุนแรง ต้องเรียนภาษาวันละ 12 ชั่วโมงเป็นเวลากว่าสามปีเพื่อให้เรียนรู้ภาษานั้น เมื่อพวกเขาสามารถสื่อสารได้ในที่สุด คำสอนของพวกเขาก็ได้รับการตอบสนองที่ค่อนข้างเฉยเมย จากประชาชนชาวพม่า ทั้งนี้เนื่องมาจากพระพุทธศาสนาที่แพร่หลาย และยังเนื่องจากคำพิพากษาประหารชีวิตจากราชสำนักที่จะมีแก่ผู้ใดก็ตามที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานเปลี่ยนศาสนา หลังจากทำงาน 12 ปี จัดสันและเพื่อนมิชชันนารีเห็นเพียง 18 คนเท่านั้นที่หันมาเชื่อ


นอกเหนือจากการคุกคามอย่างต่อเนื่องจากความเจ็บป่วยและโรคภัยแล้ว จัดสันยังเผชิญกับอันตรายร้ายแรงจากรัฐบาล เมื่อถูกสงสัยว่าเป็นสายลับระหว่างสงครามกลางเมืองของพม่า เขาถูกส่งไปยังคุกประหารชีวิต ที่ซึ่งเขาถูกทรมานและถูกบังคับให้เดินขบวนแห่ความตายที่เกือบจะฆ่าเขา รวมทั้งหมดแล้ว เขาใช้เวลา 17 เดือนหลังลูกกรง ขณะที่ภรรยาแอนน์ของเขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้เขาได้รับการปล่อยตัว


ที่เจ็บปวดยิ่งกว่านั้น จัดสันทนทุกข์จากการสูญเสียกว่า 20 ครั้ง ภรรยาแอนน์ของเขาเสียชีวิตเพียงไม่กี่เดือนหลังจากที่เขาได้รับการปล่อยตัวจากคุก เธอจะไม่ใช่สมาชิกในครอบครัวเพียงคนเดียวที่เสียชีวิตระหว่างการรับใช้ของเขา ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1812 ถึง ค.ศ. 1850 ญาติพี่น้องหรือเพื่อนสนิทของจัดสันจำนวน 24 คนได้กลับบ้านสู่สวรรค์ รวมทั้งลูกๆ หลายคนของเขา


ในฐานะสามี บิดา มิชชันนารี และเพื่อน จัดสันรู้จริงว่าการเสียสละและการทนทุกข์คืออะไร อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการทนทุกข์ทั้งหมดนี้ เขายังคงยึดมั่นเป้าหมายของเขาอย่างแน่วแน่ในการเผยแพร่ข่าวประเสริฐแก่ชาวพม่าและการแปลพระคัมภีร์เป็นภาษาของพวกเขา เมื่อเขาเสียชีวิต งานแปลได้เสร็จสิ้นแล้ว มีคริสตจักร 100 แห่งถูกก่อตั้งขึ้น และชาวพม่า 8,000 คนประกาศความเชื่อในพระเยซูคริสต์

อาโดนีรัม จัดสันและครอบครัวของเขาได้เสียสละอย่างมหาศาลเพื่อเห็นแก่พระกิตติคุณ จากมุมมองของโลก บางคนอาจโต้แย้งว่าพวกเขาทำให้ชีวิตของตนสูญเปล่า พวกเขาขยับออกจากความสะดวกสบายของรากฐานในอเมริกาเหนือ ทนทุกข์จากการปฏิเสธ ความหิวโหย การทรมาน และการสูญเสีย และทำทั้งหมดนี้เพื่อนำข่าวดีไปยังผู้ฟังที่ส่วนใหญ่เป็นปฏิปักษ์และเฉยเมย


เมื่อมองย้อนกลับไป แน่นอนว่าเราเห็นว่าความพยายามของจัดสันไม่เปล่าประโยชน์ พระคัมภีร์ฉบับแปลของเขายังคงถูกใช้ในพม่ามาจนถึงทุกวันนี้ และมรดกทางจิตวิญญาณของเขายังคงเบ่งบานออกผล ในปี ค.ศ. 1993 ประธานของคณะสหกิจคริสเตียนในพม่า (Myanmar Evangelical Fellowship )ได้กล่าวไว้ว่า "วันนี้ มีคริสเตียน 6 ล้านคนในพม่า และเราทุกคนสืบมรดกทางจิตวิญญาณของเราไปยังชายท่านหนึ่ง เขาคือศาสนาจารย์อาโดนีรัม จัดสัน"

Copyright: บทความเรื่อง "ชีวิตที่ไม่สูญเปล่า: อาโดนีรัม จัดสัน" โดย นาธาน บูเซนิทซ์ ต้นฉบับเผยแพร่เป็นภาษาไทยโดย เกรซ บรรณสาร ท่านสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.Gracebannasan.com


 
 
 

Comments


What's New

Sign up to receive updates about new books, conferences and products!

Thanks for submitting!

Opening Hours

Mon - Fri: 8am - 5pm

​​Saturday: 8am - 12pm

​Sunday: Closed

Contact Us

สถาบันพระคริสตธรรมเกรซ แบ๊บติสต์

บ้านเลขที่ 10 หมู่ 1

ต.ตลาดใหญ่ อ.ดอยสะเก็ด

จ.เชียงใหม่ 50220

gracebannasan@gmail.com

092-258-1033

© 2022 by Grace Bannasan

a project of the Sovereign Grace Baptist Foundation in Thailand

bottom of page