โจนาธาน เอ็ดเวิร์ดส์และความจำเป็นของอธิปไตยพระเจ้า
- Grace Bannasan

- 18 ก.ย.
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 1 ต.ค.

โดย จัสติน เฟแลนด์ (Justin Feland)
ในประวัติศาสตร์คริสตจักร หลักคำสอนเรื่องอธิปไตยของพระเจ้าถือเป็นทางแยกใหญ่ระหว่างบรรดาคณะนิกายและนักศาสนศาสตร์ต่างๆ แท้จริงแล้ว คริสเตียนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่เคยสัมผัสกับการอภิปรายถกเถียงเรื่องนี้ในทางใดทางหนึ่ง
โจนาธาน เอ็ดเวิร์ดส์ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ตั้งแต่เด็กๆ เอ็ดเวิร์ดส์มีคำถามเกี่ยวกับอธิปไตยของพระเจ้าในแง่ของความรอด เขาเล่าให้ฟังทีหลังว่า เขา "คัดค้านหลักคำสอนนี้เต็มกำลัง... เรื่องนี้นี้เคยเป็นหลักคำสอนอันน่าสยดสยองสำหรับผม" (อ้างอิงใน George M. Marsden, Jonathan Edwards: A Life, หน้า 40) พูดตรงๆ คือ เอ็ดเวิร์ดส์วัยเยาว์เกลียดหลักคำสอนของกลุ่มคาลวิน
เอ็ดเวิร์ดส์จึงใช้สมองเฉียบแหลมของเขาอย่างเต็มกำลังในการต่อต้านหลักคำสอนนี้ เขาพยายามอ่านหนังสือไปให้ไกลและกว้างที่สุด เพื่อหักล้างหลักคำสอนนี้
แต่ความคิดที่ว่าเขากำลังกบฏต่อพระผู้สร้างผู้ทรงอธิปไตยของเขา ทำให้จิตสึกนึกของเขารู้สึกอึดอัดมาก
พระเจ้าจะทำให้เขาเชื่อแน่นอน แม้ว่าเอ็ดเวิร์ดส์จะดำเนินการเพื่อหักล้างอธิปไตยอันสมบูรณ์ของพระเจ้า แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเปิดตาของเขาผ่านพระคัมภีร์ เมื่อได้อ่าน 1 ทิโมธี 1:17 ความจริงของหลักคำสอนอันยิ่งใหญ่นี้ก็ส่องแสงเข้ามาในใจเขาทันใด
เขากล่าวไว้ว่า
ผมคิดในใจว่า พระองค์ทรงเป็นพระผู้เป็นเจ้าที่ยอดเยี่ยมเพียงใด และผมจะมีความสุขเพียงใด หากผมได้เพลิดเพลินในพระเจ้าองค์นั้น และถูกห่อหุ้มเข้าสู่พระเจ้าในสวรรค์ และราวกับถูกกลืนเข้าไปในพระองค์ (เรื่องเดียวกัน หน้า 41)
ขณะที่เอ็ดเวิร์ดยังคงศึกษาพระคัมภีร์ต่อไป เขาก็เชื่อมั่นว่าพระเจ้าทรงอธิปไตยด้วยความเปรมปรีดิ์ในใจ ตั้งแต่นั้นมา พระสิริอันทรงอธิปไตยของพระเจ้าก็ได้ประกอบเป็นจุดสูงสุดของความคิดของโจนาธาน เอ็ดเวิร์ดส์ ด้วยเหตุนี้ เอ็ดเวิร์ดส์จึงอุทิศพลังความคิดมากมายในการอธิบายขยายความและในการป้องกันอธิปไตยของพระเจ้า เช่นในบทความอันยิ่งใหญ่ของเขาเรื่อง Freedom of the Will (อิสรภาพของเจตจำนง)
ในเวลาต่อมา เอ็ดเวิร์ดก็ได้รับหน้าที่บนธรรมาสน์ต่อจากโซโลมอน สตอดดาร์ด (Solomon Stoddard) ผู้เป็นปู่ของเขา ที่นั่นเอง เอ็ดเวิร์ดได้ขัดเกลาความเข้าใจของตนเองผ่านประสบการณ์อันเข้มข้นและท้าทายบนธรรมาสน์ บทเทศนาหนึ่งเรื่องซึ่งมีชื่อว่า God's Sovereignty in the Salvation of Men (อธิปไตยของพระเจ้าในความรอดของมนุษย์) แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงว่าพระเจ้าได้เปลี่ยนแปลงความคิดของเอ็ดเวิร์ดส์ผ่านพระคัมภีร์
ในคำเทศนานั้น เอ็ดเวิร์ดส์อธิบายว่า พระเจ้าทรงใช้อธิปไตยในความรอดเพราะ "เป็นแผนการดั้งเดิมของพระองค์ที่จะทำให้เกิดการสำแดงพระเกียรติสิริของพระองค์ ตามที่เป็นอยู่" (Sermons of Jonathan Edwards, หน้า 58)
นั่นคือ จุดประสงค์ที่พระเจ้าทรงสร้างโลก และจุดประสงค์ที่พระองค์ทรงช่วยคนบาปให้รอด ก็เพื่อพระองค์จะทรงสำแดงพระเกียรติสิริของพระองค์อย่างเต็มขนาด
แต่สิ่งนี้บอกเป็นนัยถึงความจำเป็นที่สำคัญ นั่นคือ ถ้าพระเจ้าจะทรงแสดงความสมบูรณ์ของพระเกียรติสิริของพระองค์ พระองค์จะต้องทรงแสดงให้เห็นพระลักษณะของพระองค์อย่างเต็มขนาดด้วย
หากพระเจ้าไม่ทรงแสดงพระลักษณะทั้งหมดของพระองค์ พระเกียรติสิริของพระองค์จะลดน้อยลงตามมา เอ็ดเวิร์ดส์อธิบายว่า
หากพระปัญญาของพระเจ้าถูกแสดงออกมา แต่ความบริสุทธิ์ของพระองค์ไม่ถูกสำแดงออก พระเกียรติสิริแห่งพระปัญญาของพระองค์จะไม่ถูกแสดงออกอย่างที่เป็นจริง เพราะส่วนหนึ่งของพระเกียรติสิริแห่งลักษณะของพระปัญญาอันศักดิ์สิทธิ์คือ ปัญญานั้นเป็นปัญญาอันบริสุทธิ์ ในทำนองเดียวกัน หากความบริสุทธิ์ของพระองค์ถูกแสดงออกมา แต่พระปัญญาของพระองค์ไม่ถูกสำแดงออก พระเกียรติสิริแห่งความบริสุทธิ์ของพระองค์จะไม่ถูกแสดงออกอย่างที่เป็นจริง เพราะสิ่งหนึ่งที่เป็นส่วนหนึ่งของพระเกียรติสิริแห่งความบริสุทธิ์ของพระเจ้าคือ ความบริสุทธิ์นั้นเป็นความบริสุทธิ์ที่เปี่ยมปัญญา เช่นเดียวกันกับพระลักษณะแห่งความเมตตาและความยุติธรรม... พระเกียรติสิริแห่งลักษณะหนึ่งไม่สามารถถูกแสดงออกอย่างที่เป็นจริง หากปราศจากการสำแดงออกของพระลักษณะอื่น (เรื่องเดียวกัน)
นั่นคือ หากพระเจ้าทรงสำแดงเฉพาะสติปัญญาของพระองค์และไม่สำแดงความบริสุทธิ์ของพระองค์ พระเกียรติสิริแห่งพระปัญญาของพระองค์จะลดน้อยลง หรือหากพระองค์ทรงสำแดงเฉพาะพระเมตตาของพระองค์และไม่สำแดงความยุติธรรมของพระองค์ พระเกียรติสิริแห่งพระเมตตาของพระองค์จะลดน้อยลง ดังที่เอ็ดเวิร์ดส์สังเกตในบริบทเดียวกันนั้นว่า พระลักษณะของพระเจ้า "สะท้อนพระเกียรติสิริให้แก่กันและกัน"
และเนื่องจากพระเจ้าทรงเป็นหนึ่งเดียวในพระลักษณะของพระองค์ พระลักษณะทั้งหมดของพระองค์จะลดน้อยลงหากพระลักษณะใดพระลักษณะหนึ่งขาดหายไป
ดังนั้น ข้อสรุปที่จำเป็นก็คือ พระเจ้าจะต้องทรงแสดงอธิปไตยของพระองค์ (เช่นเดียวกับทรงพระปัญญา ความบริสุทธิ์ พระเมตตา และความยุติธรรมของพระองค์) เพื่อพระองค์จะทรงสำแดงพระเกียรติสิริอันเป็นหนึ่งเดียวของพระลักษณะของพระองค์อย่างเต็มที่
นัยสำคัญสองประการที่อาจสรุปได้จากแนวคิดที่เอ็ดเวิร์ดส์ได้แสดงให้เห็นที่นี่
ประการแรก เอ็ดเวิร์ดส์มีความเข้าใจเรื่องจักรวาลที่เน้นพระเจ้าเป็นศูนย์กลางอย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นความรอด การสร้าง พระคัมภีร์ หรือชีวิตคริสเตียน ทั้งหมดชี้กลับไปยังพระลักษณะและพระราชกิจของพระเจ้า เรื่องนี้ช่างแตกต่างอย่างยิ่งกับยุคสมัยของเราที่ไม่ได้หมกมุ่นเรื่องพระเจ้า แต่สนใจเรื่องมนุษย์ ไม่ใช่สนใจเรื่องสวรรค์แต่เป็นเรื่องของโลก
ประการที่สอง เอ็ดเวิร์ดส์วางรากฐานศาสนศาสตร์ของเขาจากข้อโต้แย้งจากพระคัมภีร์ เขาพยายามสนับสนุนแนวคิดของเขาด้วยความชัดเจนและด้วยการสนับสนุนจากพระคัมภีร์ จนการตอบสนองเดียวที่เป็นได้คือการนมัสการและเชื่อฟัง
นั่นเป็นปฏิกิริยาเดียวที่เหมาะสมต่อหลักคำสอนเรื่องอธิปไตยของพระเจ้า ดังที่เอ็ดเวิร์ดส์เองอธิบายว่า
เพราะฉะนั้น ดังนั้น ขอให้เราทั้งหลายถวายพระเกียรติสิริแด่พระเจ้าในฐานะผู้ทรงอำนาจอธิปไตยสูงสุด โดยการนมัสการพระองค์ ผู้ซึ่งน้ำพระทัยทรงอธิปไตยของพระองค์ได้กำหนดทุกสิ่ง และโดยการมองเห็นตัวเราเองว่าเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยไร้ค่าเมื่อเปรียบเทียบกับพระองค์ การปกครองและอธิปไตยของพระเจ้านั้นเรียกร้องให้บรรดาผู้ที่อยู่ใต้การปกครองมีความนอบน้อมถ่อมตนและถวายพระเกียรติสิริ อธิปไตยของพระเจ้านั้นทั้งสัมบูรณ์ ครอบคลุม และไร้ขอบเขต จนทำให้เราต้องนมัสการพระองค์ด้วยความถ่อมใจและความเคารพยำเกรงอย่างที่สุด ไม่มีทางที่เราจะนอบน้อมหรือเคารพยำเกรงจนมากเกินไปต่อพระองค์ผู้ซึ่งทรงมีสิทธิอำนาจที่จะทรงจัดการกับเราตลอดนิรันดร์ตามพระประสงค์ของพระองค์ (เรื่องเดียวกัน หน้า 60)
ผู้เขียน
จัสติน เฟแลนด์ (Justin Feland) ปัจจุบันกำลังศึกษาปริญญาโท สาขาศาสนศาสตร์ (M.Div) ที่ The Master's Seminary
Copyright: บทความเรื่อง "โจนาธาน เอ็ดเวิร์ดส์และความจำเป็นของอธิปไตยพระเจ้า" โดย "จัสติน เฟแลนด์" ต้นฉบับเผยแพร่เป็นภาษาไทยโดย เกรซบรรณสาร ท่านสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.Gracebannasan.com
Original Article in English can be found at: https://blog.tms.edu/necessity-divine-sovereignty
.png)



ความคิดเห็น